การเริ่ม “สร้างแบรนด์เครื่องสำอาง” ไม่ใช่เรื่องยากในยุคนี้ เพราะมีโรงงาน OEM ที่ช่วยดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่พัฒนาสูตร ออกแบบแพ็กเกจ ไปจนถึงขอ อย. แต่สิ่งที่เจ้าของแบรนด์มือใหม่มักพลาดคือ —
เลือกประเภทสินค้าผิดตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้ขายยาก ต้นทุนจม และหมุนเงินไม่ทัน
วันนี้ Charm Cosmet จะพาคุณมาดูว่า “ผลิตเครื่องสำอางแบบไหน” ที่เหมาะกับคนเริ่มต้นมากที่สุด
ขายง่าย กำไรดี และมีโอกาสปั้นแบรนด์ให้ติดตลาดได้ไว!
ปัจจัยสำคัญก่อนเลือกผลิตภัณฑ์
ก่อนเริ่มผลิตเครื่องสำอาง คุณควรถามตัวเองก่อนว่า คุณมีงบประมาณเริ่มต้นเท่าไร เข้าใจตลาดมากน้อยแค่ไหน และสินค้าที่คุณสนใจสามารถทำคอนเทนต์รีวิวได้ง่ายหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อความเร็วในการสร้างยอดขาย
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีงบจำกัด การเริ่มจากสินค้าชิ้นเล็กอย่างลิปสติกหรือแป้งพัฟถือว่าเหมาะสม แต่ถ้าคุณต้องการแบรนด์ที่ดูมีภาพลักษณ์พรีเมียมในระยะยาว กลุ่มสกินแคร์อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า นอกจากนี้ควรคำนึงถึง อายุการเก็บรักษา (Shelf Life) และ ความยืดหยุ่นของสูตร เพื่อให้ต่อยอดได้ในอนาคต
ประเภทเครื่องสำอาง “ขายง่าย – กำไรดี – เหมาะกับมือใหม่”
ลิปสติก — สินค้าคู่ใจที่ขายง่ายที่สุด
ลิปสติกถือเป็นสินค้าระดับเริ่มต้นที่เหมาะมากสำหรับเจ้าของแบรนด์มือใหม่ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทุกเพศทุกวัยใช้ได้และมีดีไซน์ให้เลือกมากมาย จุดเด่นคือ ต้นทุนต่อชิ้นไม่สูงแต่กำไรดี สามารถสร้างความแตกต่างได้ด้วยสี เนื้อสัมผัส หรือการออกแบบแท่งลิปที่เป็นเอกลักษณ์
ในเชิงกำไร ลิปสติกสามารถทำกำไรได้เฉลี่ย 50–70% ต่อชิ้น โดยเฉพาะถ้าเน้นตลาดออนไลน์ซึ่งไม่ต้องมีหน้าร้าน ข้อควรระวังคือ ควรเลือกเฉดสีที่เหมาะกับผิวคนไทยและมีคุณภาพของเม็ดสีดี เพราะลูกค้ามักตัดสินใจจากสีที่เห็นทันทีหลังทา
ลิปสติกจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเริ่มต้น สร้างแบรนด์ตัวเองอย่างรวดเร็ว เน้นยอดขายไว และอยากทำคอนเทนต์รีวิวง่าย ๆ ในโซเชียลมีเดีย
รายละเอียดสินค้า คลิก
สกินแคร์บำรุงผิวหน้า — ทางเลือกของแบรนด์ที่ต้องการความยั่งยืน
หากคุณอยากสร้างแบรนด์ที่ดู “เชื่อถือได้” และมีโอกาสสร้างฐานลูกค้าซื้อซ้ำในระยะยาว สกินแคร์คือคำตอบ เพราะผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ตอบโจทย์ความต้องการดูแลผิวของผู้บริโภคโดยตรง จุดเด่นของการ ผลิตสกินแคร์บำรุงผิวหน้า คือสามารถเลือกสารสกัดเฉพาะทาง เช่น สูตรลดสิว สูตรผิวกระจ่างใส หรือสูตรลดริ้วรอย
ในด้านผลตอบแทน กำไรของกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 40–60% แม้จะไม่สูงเท่าเมคอัพ แต่ข้อดีคือ ลูกค้ามีแนวโน้มซื้อซ้ำสูงมาก หากเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ดีจากการใช้จริง
ข้อควรระวังคือ สกินแคร์ต้องใช้เวลาสร้างความเชื่อมั่น เนื่องจากลูกค้าจะต้องทดลองใช้ก่อนเห็นผล จึงเหมาะกับเจ้าของแบรนด์ที่มีความเข้าใจเรื่องผิว หรืออยากสร้างภาพลักษณ์แบรนด์สายบำรุงผิวอย่างจริงจัง
รายละเอียดสินค้า คลิก
แป้งพัฟและคุชชั่น — สินค้าทำยอดซ้ำง่ายและมีกำไรสูง
เครื่องสำอางกลุ่มผิวหน้า เช่น แป้งพัฟหรือคุชชั่น เป็นสินค้าที่ลูกค้าต้องใช้ทุกวัน ทำให้มีโอกาส “ยอดซ้ำ” หรือการกลับมาซื้อซ้ำสูง จุดเด่นคือสามารถสร้างความโดดเด่นได้ด้วยเนื้อแป้งที่ละเอียด ปกปิดดี และแพ็กเกจหรูหรา
กำไรเฉลี่ยของแป้งพัฟอยู่ในช่วง 50–80% ต่อชิ้น จึงถือเป็นสินค้าทำกำไรดีอันดับต้น ๆ แต่ควรระวังเรื่องเฉดสีและโทนผิว เพราะถ้าไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายอาจทำให้ขายยาก
แป้งพัฟและคุชชั่นจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์แนวความงามแบบมืออาชีพ เน้นภาพลักษณ์เรียบหรูและความน่าเชื่อถือ
รายละเอียดสินค้า คลิก
สครับผิวหรือครีมอาบน้ำบำรุงผิว — ตลาดแมสที่ทำยอดขายได้ไว
สินค้ากลุ่มบอดี้แคร์อย่างสครับผิวหรือครีมอาบน้ำบำรุงผิว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ ใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย และมีความต้องการสูงในตลาด โดยเฉพาะสูตรฟื้นฟูผิวกระจ่างใส ซึ่งเป็นเทรนด์ยอดนิยมในไทย
ต้นทุนการผลิตไม่สูงมากเมื่อเทียบกับสกินแคร์ จึงสามารถตั้งราคาขายที่มีกำไรเฉลี่ย 40–60% ได้ไม่ยาก จุดเด่นอีกอย่างคือสามารถทำคอนเทนต์รีวิวได้ง่าย เพราะเห็นผลลัพธ์หลังใช้ได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของสารสกัด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ถูกใช้ทั่วร่างกาย เหมาะกับเจ้าของแบรนด์ที่ต้องการเริ่มต้นในตลาดแมสที่ทำยอดไวและเข้าถึงกลุ่มลูกค้ากว้าง
รายละเอียดสินค้า คลิก
น้ำหอม — ต้นทุนไม่สูง แต่สร้างภาพลักษณ์พรีเมียมได้
น้ำหอมเป็นสินค้าที่ขายได้ตลอดทั้งปี และมีความยืดหยุ่นในการทำตลาดมาก เพราะสามารถออกแบบ “กลิ่นซิกเนเจอร์เฉพาะแบรนด์” ได้ จุดเด่นของสินค้าประเภทนี้คือ ต้นทุนไม่สูงแต่สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ได้ดีมาก เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการความหรูหราในราคาจับต้องได้
โดยทั่วไปน้ำหอมสามารถทำกำไรเฉลี่ย 60–80% ต่อชิ้น ทั้งยังต่อยอดได้หลายช่องทาง เช่น ของพรีเมียม ของที่ระลึก หรือของขวัญแบรนด์
แต่ควรระวังการเลือกกลิ่นให้เหมาะกับตลาดเป้าหมาย เช่น กลิ่นหวานสดใสสำหรับวัยรุ่น หรือกลิ่นหรูหราสำหรับกลุ่มผู้ใหญ่ เพราะ “กลิ่น” คือสิ่งที่ลูกค้าจำแบรนด์ได้ชัดที่สุด

รายละเอียดสินค้า คลิก
เช็คลิสต์ตัดสินใจก่อนเริ่ม “ผลิตเครื่องสำอางแบรนด์ตัวเอง”
-
ถ้ามีงบเริ่มต้นไม่สูง ลองเริ่มจากลิปสติกหรือสครับผิวก่อน
-
ถ้าอยากสร้างแบรนด์ระยะยาวที่มีความน่าเชื่อถือ ควรเลือกสกินแคร์บำรุงผิวหน้า
-
ถ้าต้องการยอดขายเร็วและทำคอนเทนต์ได้ง่าย ลิปสติกและแป้งพัฟคือทางเลือกที่เหมาะ
-
ถ้าชอบแนวสินค้าหรูหราที่ต้นทุนต่ำ น้ำหอมจะตอบโจทย์ที่สุด
Charm Cosmet — โรงงานผลิตเครื่องสำอางครบวงจร
Charm Cosmet พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์สำหรับผู้ที่อยาก “สร้างแบรนด์ตัวเอง” โดยให้บริการครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การพัฒนาสูตร การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การผลิต ไปจนถึงการวางแผนการตลาดออนไลน์
ทีมวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางและฝ่ายการตลาดของ Charm Cosmet จะช่วยแนะนำให้คุณเลือกประเภทสินค้าที่เหมาะกับงบประมาณและเป้าหมายทางธุรกิจ เพื่อให้แบรนด์ของคุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจและเติบโตได้จริงในตลาด สนใจสร้างแบรนด์ติดต่อชาร์มคอสเมทได้เลยค่ะ




